วันพุธที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รำลึกแดนพุทธภูมิครั้งแรกในมุมมองของผู้เขียน ๗ – ๘ มีนาคม ๒๕๕๒



เช้าวันที่ ๓ ของการเดินทาง ๗ มี ค. ๕๒ (กุสินารา-ลุมพินี-พุทธคยา)
         ตื่นนอน ๐๖.๐๐ น.อาบน้ำเตรียมกระเป๋ามาวางหน้าห้อง ลงมาทานอาหารเช้าเวลา ๐๗.๐๐ น.เมื่อทุกคนพร้อมก็ขึ้นรถออกเดินทางจากโรงแรมเวลาประมาณ ๐๘,๐๐ น. ไปเยี่ยมชมวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ไหว้พระบรมสารีริกธาตุและทำบุญ มีโรงเรียนสอนเด็กชาวอินเดียที่วัดมีนักเรียนมากพอสมควร เรียนพุทธศาสนาเยี่ยมชมนักเรียนเข้าแถวและสวดมนต์ก่อนเข้าเรียน ฝากของไว้แจกเด็กๆ ชมโรงพยาบาลของวัดที่ให้บริการประชาชนชาวอินเดีย ดูห้องพักผู้แสวงบุญของวัด
          และเดินทางไปที่สถานที่สำคัญในพุทธประวัติ บริเวณ สาลวโนทยาน

 


ต้นสาละสองต้นคู่ใกล้สถูปและวิหารพระปรินิพพาน ที่ประดิษฐานพระพุทธปางประทับอนุฏฐานไสยาส

 

ถ่ายภาพรวมหน้าวิหารพระปรินิพพาน















ซื้อผ้าแพรทองจากตลาดสามชุกไปห่มพระปางปรินิพพาน(ชาวพุทธถือว่าเป็นพระพุทธเจ้าปรินิพพาน)ได้กราบพระบาทองค์พระได้ปิดทอง ได้ห่มผ้า ต่างก็ซาบซึ้งน้ำตาซึมขอบตากัน

 
 

 




แล้วร่วมกันเดินประทักษิณาทานรอบวิหารพระปรินิพพาน ๓ รอบ





จากนั้นไปสถานที่ประชุมเพลิงพระบรมศพ อยู่ห่างกันประมาณ ๑ กก. มกุฎพันธนเจดีย์
แล้วนั่งสวดมนต์และปฏิบัติบูชา ตามเวลาพอสมควร


       ไม่มีภาพสถูปสถานที่ประชุมเพลิงค่ะบังเอิญกล้องแบ็ตเตอรี่หมด แล้วขึ้นรถกลับไปรับประทานอาหารกลางวันที่โรงแรม ตั้งแต่วันแรกของการเดินทางไกล พระวิทยากรจะนำสวดมนต์ ทำวัตรเช้าและเย็นไม่ได้ขาด ระหว่างทางก็จะสวดพระคาถา เช่นคาถาโพธิบาท(ป้องกันภัยสิบทิศ)คาถามงคลจักรวาลแปดทิศ ไปด้วยตลอด
          เวลา ๑๒.๑๐ น.ออกเดินทางสู่ อุทยานลุมพินี ประเทศเนปาล ระหว่างทางมีข่าวว่าสะพานที่เราจะต้องผ่านขาดไปต่อไม่ได้ รถทุกคันต้องเลี่ยงผ่านเข้าในหมู่บ้านที่เป็นถนนลูกรัง บางส่วนก็เป็นดินทราย ทางเป็นหลุมเป็นบ่อ รถก็โยกเยกๆ  ทางก็แคบถ้ามีรถสวนคนขับต้องหาที่หลบ ชาวบ้านก็จะออกมาดูกันตลอดทาง กว่าจะเลี่ยงพ้นกินเวลานานพอสมควร พอขึ้นถนนใหญ่ได้สักครู่ก็มีข่าวมาอีกว่ามีการสู้รบกันในเขตชายแดนของเนปาล ด่านปิดข้ามไม่ได้ มีรถผู้แสวงบุญสวนกลับหลายคัน ทางคณะทัวร์ได้ปรึกษากัน ตกลงว่าจะไปจอดพักรอฟังเหตุการณ์ที่วัดใกล้ๆ ชายแดนก่อน
          พักรถจอดรอที่พักผู้แสวงบุญ วัดไทย ๙๖๐ (ตอนนั้นยังไม่ตั้งชื่อเป็นทางการ) มีห้องน้ำสะอาดมาก มีโรตี มีกาแฟ อรีด๊อย อร่อยมาก ไว้บริการผู้แสวงบุญ พักและถวายผ้าป่ารอฟังข่าวการเข้าเนปาล ระหว่างนั้นก็ยังมีรถผู้แสวงบุญชาวไทยมาจอดรออีก หลายคณะทัวร์ และมีรถกลับมาจากด่านชายแดนหลายคัน
          ในระหว่างนั้นหัวหน้าทัวร์ได้จ้างรถมอเตอร์ไซไปติดต่อสอบถามที่ด่านชายแดน พอกลับมามีองุ่นหวานไร้เมล็ดมาแจกจ่ายกัน ๑ ลัง หวานกรอบอร่อยมากค่ะ สรุปเราไปเนปาลไม่ได้ มีการสู้รบ สถานการณ์ไม่ปลอดภัยด่านไม่เปิด ต้องกลับๆไปพักที่ กุสินารา โรงแรมเดิม Nikko Lotus หัวหน้าทัวร์โทรติดต่อเรื่องที่พักและอาหารค่ำ เราออกเดินทางกลับจากที่พักผู้แสวงบุญ วัดไทย ๙๖๐ เวลา ๑๖.๑๕ ตอนนั้นทุกคนก็ภาวนาให้ผ่านทางเลี่ยงเข้าในหมู่บ้านก่อนค่ำ
          ลืมเล่านะคะการเดินทางออกจากโรงแรม Nikko Lotus เมื่อตอนกลางวันสู่อุทยานลุมพินีนั้นพระอาจารย์วีระนนท์ วีระนนฺโท เป็นไข้ไม่ได้มาด้วยตอนแรกคิดว่านั่งรถอีกคัน เพิ่งมารู้ตอนรอที่วัดไทย ๙๖๐ (มาคิดดูทีหลัง เสมือนท่านรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าหรือเปล่านะ ถึงไม่ได้ไปด้วย) พ้นทางเลี่ยงเข้าในหมู่บ้านได้ใกล้ค่ำพอดี ทุกคนต่างโล่งอก มืดแล้วกับการเดินทางกลับไปที่พัก ไปต่อได้อีกหน่อยก็เผลอหลับไป ประมาณหนึ่งชั่วโมงรถจอดก็ตื่นมา ติดว่ารถจอดให้ทำธุระส่วนตัวกัน ที่แท้ไม่ใช่ค่ะ รถจอดเพราะไปไม่ได้ มีรถจอดติดอยู่ก่อนแล้วหลายคันไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรกัน ตอนนั้นเวลา ประมาณ ๒๐.๐๐ น.เศษๆค่ะ ก็ถือโอกาสเอาไฟฉายไปหาที่ทำธุระส่วนตัวกัน ข้างทางไม่มืดมาก มองเห็นได้มีแสงจันทร์สว่าง ที่ต้องใช้ไฟฉายก็เพราะกลัวเหยียบกลับระเบิดเข้า เสร็จกันแล้วก็ขึ้นมารอบนรถ ตอนนี้เริ่มหิวกันแล้วค่ะใครมีอะไรสำรองไว้ ก็เอาออกมาแบ่งปันกันกินแก้หิวไปพลางๆก่อน ผู้เล่าค้นหมูแท่งที่ซื้อตุนมาจากตลาดสามชุก ออกมาแบ่งคนใกล้ๆทานแก้หิวไปก่อน มีผู้สื่อข่าวในรถและพนักงานดูแลคณะทัวร์ชาวอินเดียเดินออกไป สอบถามรถที่ติดกันอยู่ได้ความว่า มีรถนักท่องเที่ยวคันหน้าสุดขับชนชาวบ้านที่ขี่รถมอเตอร์ไซ เจ็บ/ตาย ตำรวจนำส่งรพ. แล้ว และตำรวจกำลังเคลียร์กับญาติผู้ป่วยอยู่ ในเวลานั้นดูน่ากลัวมากค่ะ มีรถมอเตอร์ไซของชาวบ้านขับไปขับมาตลอดเวลา ยิ่งนานเข้าๆ มองไปในความมืดน่าจะเป็นหมู่บ้าน เห็นคนถือคบไฟเดินเป็นแถวยาวมาแต่ไกล หลายๆด้าน ช่วงนั้นคนรถได้ปิดประตูรถไม่ให้ใครขึ้นลงแล้ว ทุกคนเงียบใจเต้นตุ๋มๆ ต้อมๆ โชคดีที่รถเริ่มเคลื่อนตัวออกได้ ก่อนที่แสงคบไฟจะเข้ามาใกล้กว่านี้ ทุกคนก็ยังเงียบงัน และหันหลังกลับไปมองแสงจากคบไฟที่เห็นเป็นแนวยาว อยู่แต่ไกลจนลับสายตา
          ผู้เล่าไปอินเดียคนเดียวมีที่ในรถให้นั่งได้สบาย นั่งเก้าอี้ริมด้านขวามือคนเดียวช่วงประมาณแถวที่ ๔ หรือ ๕ เนี่ย เป็นที่ประจำตลอดการเดินทาง พอรถผ่านตลาดมีคนยืนตามขอบทางข้างถนนเยอะ รถก็ชะลอความเร็วลง ผู้เล่านั่งคนเดียวอยู่ด้านริมหน้าต่าง ก็มองดูผู้คนในตลาดซึ่งยังซื้อยังขายของกันอยู่ พอรถวิ่งถึงท้ายๆ ใกล้สุดตลาด เห็นคนถือไม้ยาวๆ สองสามคนยกไม้ขึ้นทำท่าจะตีกระจกรถ ผู้เล่าก็รีบเอียงตัวเอนก้มลงนอนหลับตากลับเบาะ มีเสียงกระจกรถโดนไม้ฟาดดัง เปี้ย ๆ ไม่กล้าลืมตา กลัวกระจกแตกกระเด็นเข้าตา ตอนนั้นรถไม่ยอมจอดยังไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นกับใครบ้าง มีใครเป็นอะไรหรือเปล่า เมื่อผ่านมาไกลแล้วจึงสำรวจกัน ไม่มีใครในรถบาดเจ็บ กระจกรถทั้งสองด้านมีรอยแตกร้าว กระจกข้างผู้เล่าที่ถูกตีก็เป็นรอยร้าว ไม่ถึงกลับแตก ได้รับความตื่นตกใจกันพอสมควร
          ขณะนั้นคิดว่ากลับมาพักที่โรงแรม Nikko Lotus ที่กุสินารามีพระอาจารย์วีระนนท์ วีระนนโทรออยู่ แต่เดินทางในเวลากลางคืนมืดมาก ใช้เวลานาน ถึงโรงแรมที่พัก เวลา ๒๓.๐๐ น.กว่าๆ ทางห้องอาหารใกล้ปิดแล้ว ผจก.คณะทัวร์ให้ลูกทัวร์ทุกคนรีบเข้ารับประทานอาหารก่อน ขณะที่รถคันที่สองยังมาไม่ถึง ตอนนั้นยังงงๆอยู่ เพิ่งรู้ว่ากลับมาพักที่โรงแรม Delta พุทธคยา เนี่องจากพระอาจารย์วีระนนท์ วีระนนฺโท และหัวหน้าทัวร์ได้ติดต่อปรึกษากันแล้วจึงเดินทางมารอที่พุทธยาก่อน พอดีมีลูกทัวร์ในรถทั้งสองคันจึงรู้บ้างไม่รู้บ้าง
       หลังจากรับประทานอาหารแล้วก็มานั่งที่ ร็อบบี้สอบถามกันอีก ก่อนที่จะแยกย้ายขึ้นห้องพักผ่อน สรุปว่ารถคันที่ ๑ไม่มีผู้บาดเจ็บ รถกระจกแตกร้าวหลายบาน ที่สำคัญคือกระจกหน้ารถที่หน้าคนขับ แตกเป็นช่อง ลมเข้าได้ คนขับสามารถขับมาจนถึงที่พักได้ในเวลากลางคืน โดยที่คณะทัวร์ในรถไม่รู้เลย
ส่วนคันที่ ๒ มีผู้บาดเจ็บ ๒ คน กระจกด้านข้างที่นั่งโดนก้อนหินขว้างแตก หินและกระจกกระเด็นใส่ เป็นคุณพ่อและคุณแม่ของน้องที่ทำงานเป็นแอร์การบินไทย ตอนนี้หัวหน้าทัวร์พาไปโรงพยาบาล ส่วนรถมีกระจกแตกเป็นรู และร้าวอีกหลายบาน ส่วนกระจกหน้าคนขับร้าวแต่ไม่ถึงกลับแตก จากนั้นก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน เช้าพรุ่งนี้ให้พักผ่อน ตื่นตามสบาย


เช้าวันที่ ๔ (พุทธคยา)ของการเดินทาง ๘ มี ค. ๕๒ เป็นวันที่ออกไปไหนจากโรงแรมในสถานการณ์นี้ไม่ได้ กระจกหน้ารถทั้งสองคันแตกคนขับต้องเอากระจกออกทั้งแผ่น รถไปซ่อมหรือเปลี่ยนรถยังไม่ได้ เป็นวันหยุดเทศการอะไรซักอย่างจำชื่อไมได้ แต่คล้ายกลับเทศกาลสงกรานต์ของเรา ที่ใช้น้ำสาดกันของอินเดียใช้สีฝุ่นสาดกันสนุกสนาน คนขับรถไม่กล้าพาออกไปไหน ในสภาพรถแบบนี้ คนเจ็บสองคนเย็บแผลกันคนละ ๒ - ๓ เข็ม ยังอารมณ์ดี บอกทุกคนไม่ต้องกังวลไม่เป็นอะไรมาก สรุปวันนี้ไม่ได้ออกไปไหน หลังทานอาหารเช้า-บ่าย พากันหาห้องนั่งปฏิบัติธรรม มีพระอาจารย์สอนค่ะ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น