จากนั้นพาไป “สักการะหลวงพ่อองค์ดำ” พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ที่แกะสลักด้วยหินแกรนิตสีดำ เดิม
พระพุทธรูปองค์นี้ประดิษฐานอยู่ในมหาวิทยาลัยนาลันทา เมื่อมหาวิทยาลัยฯ ถูกทำลาย พระพุทธรูปองค์นี้ยังคงอยู่ได้สมบูรณ์ กว่า ๒๕๐๐ ปีมาแล้ว ชาวพุทธจากทั่วโลกเมื่อมาแสวงบุญ ๔ สังเวชนียสถาน ก็ขาดไม่ได้ที่จะมา “สักการะหลวงพ่อองค์ดำ” ด้วยศรัทธา
จากนั้นเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวัน ที่วัดไทยศิริราชคฤห์ และร่วมกันถวายผ้าป่าตามกำลังศรัทธา
คณะทัวร์พักทานอาหารกลางวันที่ ”วัดไทยศิริราชคฤห์” และทอดผ้าป่า ถ่ายภาพร่วมกัน
ที่วัดมีรูปปั้น ของหมอชีวกโกมารทัศน์ ให้เป็นที่ระลึกคนละ ๑ ถ้าใครจะบูชารูปปั้น ของหมอชีวกโกมารทัศน์ไปเป็นของฝากญาติมิตรที่เมืองไทยก็ได้ และวัดไทยศิริราชคฤห์ เป็นวัดที่พระวิทยากรพำนักอยู่เมื่อพร้อมกันแล้วขึ้นรถเดินทางไป เขาคิชกูฎ เพื่อนมัสการกุฏิพระพุทธองค์ที่บนยอดเขา และ นมัสการกุฏิพระอานนท์ ถ้ำพระโมคคัลลานะ ถ้ำสุกรขาตาสถานที่พระสารีบุตรบรรลุพระอรหันต์ และที่พระเทวทัตกลิ้งหินใส่พระพุทธองค์ นั่งปฏิบัติบูชาและเดินประทักษิณาทานรอบกุฏิพระพุทธองค์ ๓ รอบ
ลงจากเขาคิชกูฎ (ไม่ได้เข้าชมมหาวิทยาลัยนาลันทา เวลาไม่พอได้แค่ผ่าน)
เดินทางต่อไป ยังเมืองพาราณสี แวะพักดื่ม”จาย”ร้านข้างทางที่เป็นเหมือนสถานที่พักการเดินทาง ระหว่างเมืองต่อเมืองเป็นตลาดเล็กๆ แต่มีผู้คนแวะมากพอควรน้องๆที่เป็นแอร์เดินแจกมินท์ (สระแหน่ แคปซูล)ให้คนละเม็ด อมแล้วต้องรีบกลืนถ้ารอจนแตกก่อนละก็ซ่าจืดสุดใจละ
มีห้องน้ำสำหรับสตรีด้วย ผู้เล่าเดินมารอคิวเข้าห้องน้ำที่พอจะเข้าได้ เดินมากัน ๒-๓ คนรอเข้าห้องน้ำ เจอสาวงามอินเดีย ๒ คนที่หน้าห้องน้ำสวยจริงๆค่ะได้ถ่ายรูปกันไว้ น้องๆแอร์สอบถามได้ความว่าเป็นหมอค่ะ และยังแลกเมลกันไว้ สาวงามมีพี่ชายหรือแฟนก็ไม่รู้มาด้วย (ตัวจริงสวยกว่าภาพถ่ายมากค่ะ)
เป็นการเดินทางที่นั่งรถยาวนานมาก การพักจอดรถทำธุระส่วนตัวระหว่างทาง ไม่สะดวกนักส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีป่าแล้ว เป็นที่โล่งๆ สุภาพสตรีจะลำบากนิดหน่อย ต้องเตรียมผ้าถุงไปผลัดเปลี่ยนด้วย ถ้าใครจะไปนมัสการ ๔ สังเวชฯ สำหรับผู้หญิงแนะนำให้ใส่กระโปรงยาวๆ สะดวกกว่าค่ะ ถึงเมืองพาราณสีค่ำมากแล้ว เข้าพักที่โรงแรม Suraphi Internationl ทานอาหารเย็นแล้วเข้าห้องพักผ่อนค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น