วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

รำลึกแดนพุทธภูมิครั้งแรกในมุมมองของผู้เขียน ๑๑ มีนาคม ๒๕๕๒

เช้าวันที่ ๗ ของการเดินทาง ๑๑ มี ค. ๕๒ (พุทธคยา) ตื่นนอน / หลังอาหารเช้า พาคณะทัวร์ ชมวัดพุทธนานาชาติ ในบริเวณพุทธคยา เช่น วัดญี่ปุ่น, วัดธิเบต, วัดภูฐาน, ฯลฯ ซึ่งสร้างตามเอกลักษณ์ของสถาปัตยกรรมของแต่ละชาติ เป็นต้น
       กลับมาทานอาหารกลางวันที่โรงแรม รอบบ่ายพาช้อบปิ้งสินค้า ในเมืองพุทธคยา เช่น ร้านขายผ้า.... ร้านขายของที่ระลึก บริเวณหน้าปริมณฑลของเจดีย์พุทธคยา และเข้ากราบไหว้อำลาพระพุทธเมตตราพระมหาเจดีย์พุทธคยาและต้นพระศรีมหาโพธิ์อีกครั้ง

 พระพุทธเมตราภาพนี้ถ่ายได้งามมากค่ะ
 วันนี้มีดอกไม้บูชารอบปริมลฑลมหาเจดีย์พุทธคยา

 นั่งกราบ ไหว้ลาพระศรีมหาโพธิ์

        ผู้เขียนก็ได้ชาอินเดีย(ให้คนคูแลประจำรถทัวร์ชาวอินเดียซื้อให้ มีเมล็ดสมุนไพรที่ใช้สำหรับใส่ชาให้หอมมาด้วย)
และพาไปซื้อผ้ากลับมาเป็นของฝากและใช้เองพอสมควร

(ผ้าที่เก็บไว้ใช้เองค่ะ ไม่รวมของฝากที่แจกจ่ายไปแล้ว)

  และได้มินท์สระแหน่มาหนึ่งแพ็ค
กระเทียมแคปซูลสำหรับลดไขมันอีก ๒ กล่อง

       โดยมีน้องๆแอร์จากการบินไทยในทัวร์ชุดนี้เป็นผู้ช่วยในการซื้อหาในแต่ละครั้งช้อบปิ้งสินค้ากันจนเย็นจึงกลับที่พัก ก็เตรียมเก็บและจัดของลงกระเป๋าเดินทางให้เรียบร้อย แล้วจึงลงมาทานอาหารเย็น
      
 
ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ค่ะภาคกลางคืน ในกลดที่เตรียมไปจากเมืองไทย
 นั่งสมาธิบ้างเดินรอบเจดีย์พุทธคยาบ้างภาพกลางคืนค่ะ
เดินบ้าง นั่งบ้าง เผลอหลับบ้างจนสว่าง
      
       เนื่องจากมีรายการพิเศษสำหรับคนที่ต้องการไปปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิที่ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ในภาคกลางคืน ที่ต้องอยู่จนถึงเช้า มีเวลาปิดและเปิดสถานที่ ระหว่างเวลา ๒๑.๐๐ น. - ๐๕.๐๐ น.(ต้องเสียเงินค่าเบิกทางสะดวก คนละ ๑๐๐ บาทไทย ให้ชุดเจ้าหน้าที่เฝ้าปริมณฑลของต้นพระศรีมหาโพธิ์ และพระมหาเจดีย์พุทธคยา) หัวหน้าทัวร์เก็บ และจัดการให้ เวลาเข้าจะนับหัวเลยค่ะ สำหรับคนที่ไปภาคกลางคืน ต่างเตรียมกรด ผ้ารองนั่ง ไฟฉาย กระดาษ น้ำขวด ยาประจำตัว มากันเรียบร้อยแล้วจากเมืองไทย มีผู้ไปภาคกลางคืนประมาณ เกือบ ๒๐ คน ผู้เล่าไม่พลาดอยู่แล้ว (ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้มาอินเดียอีกหรือเปล่า ชีวิตเป็นของไม่แน่ มีแต่ความตายเป็นของแน่ เคยได้ยินจากพุทธพจน์ และไม่มีใครรู้นอกจากพระอรหันต์ว่าความตายจะมาถึงตัวเองเมื่อไร) มีชาวพุทธต่างชาติอีกมากพอสมควร ที่อยู่ปฏิบัติกลางคืน พอได้เวลาปิด ยามก็เป่านกหวีดไล่ผู้ที่ไม่เสียเงิน และออกเดินเช็คจำนวนผู้อยู่ปฏิบัติ

       สำหรับผู้เล่านั่งสมาธิไม่นิ่งเลยค่ะ แถมมีนั่งสัปหงกหลายครั้ง พอไม่ไหวก็จะชวนคนข้างๆออกไปเข้าห้องน้ำ(อยู่ไกลมาก)เมื่อกลับมา ก็เปลี่ยนเป็นเดินจงกรมรอบพระมหาเจดีย์บ้าง สลับกันไปมา จนง่วงมาก ทนไม่ไหวก็เอนหลับไปในกรดนั่นแหละค่ะ มาสะดุ้งตื่นก็จากเสียงนกหวีดดัง ตอนตีห้าค่ะ ยามเดินมาบอกให้ออกได้แล้ว เดี๋ยวจะมีพนักงานมาทำความสะอาดเพื่อเตรียมถึงเวลา เปิดบริการเข้าชมปริมณฑลของต้นพระศรีมหาโพธิ์และพระมหาเจดีย์พุทธคยาแล้ว  เราก็พากันเก็บของเดินออกมาหน้าประตูใหญ่ รถมารอรับกลับที่พักอยู่แล้วค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น