วันพุธที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2553

น้ำลด – ปลูกผักสวนครัว

     น้ำจะท่วมอยู่ประมาณครึ่งเดือนก็เริ่มลดลงเรื่อยๆ  ตอนน้ำลดจะลดลงเร็วกว่าตอนน้ำขึ้นมาก  แค่ 3-4 วัน น้ำก็ลดจนหมด  แต่ยังไม่อยู่ในระดับปกติ  คือลดบริเวณบ้านและทางเดิน  แต่ในคลองน้ำก็ยังเต็มปริ่มอยู่  ช่วงนี้น้ำจะลดลงช้ามาก  พื้นดินตามทางเดินใต้ถุนบ้านจะเละ แฉะไม่น่าเดิน  ตาจะเอาไม้กระดานมาวางพาดเป็นทางเดินที่จำเป็นก่อน  จนกว่าพื้นดินจะค่อยๆแห้งไปเอง 
     ช่วงนั้นก็ต้องคอยปรับพื้นดินไปด้วย  มิฉะนั้นเมื่อดินแห้งจะเป็นตุ่มๆ ต่ำๆ ไม่เรียบเหมือนเดิม  ในช่วงนี้หลังกลับจากโรงเรียนในตอนเย็น  แม่ชอบเดินค่อยๆ เบาๆ ดูตามริมน้ำตื้นๆ ที่ๆน้ำลงพื้นดินจะแฉะหน่อยๆ  แม่จะพบปลาหรือกุ้งเป็นประจำ  และตะครุบจับได้ เป็นปลาหรือกุ้งที่อยู่ริมน้ำตื้นๆ  ปลาที่จับได้ เป็นปลาช่อนตัวไม่โตนัก กุ้งที่ได้ก็จะเป็นกุ้งที่ขึ้นมาลอกคราบริมตลิ่ง จับได้ง่ายมากตัวขนาดนางๆ บางวันไม่ได้ก็มี แต่ก็สนุกที่จะได้จับปลาหรือกุ้งมาอวดกัน

        พูดถึงกุ้งเมื่อแม่ยังเด็กนั้นมีกุ้งแม่น้ำอุดมสมบูรณ์ ตาจะหากุ้งแม่น้ำได้บ่อย เป็นกุ้งก้ามกรามตัวโตๆ ครั้งละ 1-2 ตัว ยายก็ทำต้มยำให้กินอย่างเอร็ดอร่อย เนื้อกุ้งจะเหนียวแน่นและหวาน มันกุ้งลอยฟ่องในน้ำต้มยำ ก้ามอันใหญ่เนื้อมากอร่อย มีอีกส่วนของกุ้งที่แม่ชอบมาก อยู่ตรงหัวกุ้ง ลักษณะคล้ายๆ เรือ เรียกปลีกุ้ง 

กุ้งตกที่แม่น้ำสุพรรณหน้าบ้าน
       กุ้งที่ว่าตัวใหญ่ๆ นี้ มีเนื้อนิดเดียว เพราะไปใหญ่อยู่ที่หัว ยาย-ตา จะกินหัวกุ้ง ให้ลูกๆได้กินเนื้อกุ้ง กินกันกี่ครั้งก็ไม่เคยอิ่มและพอเลย ในสมัยนั้นยังไม่มีใครเริ่มทำ การเลี้ยงกุ้งแม่น้ำกันเลย มีแต่กุ้งทะเล กุ้งแม่น้ำจะได้กินแต่ละครั้งต้องหาได้เอง หากไปซื้อที่เขาหามาขายราคาแพงมาก กิโลละ 100 บาทในตอนนั้น แม่เคยคิดว่าน่าจะมีใครคิดเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามกรามบ้าง คงจะรวยน่าดูเลย เงิน 100 บาทในขณะนั้นถือว่าสูงมากนัก ในเวลานั้นจำได้แต่ว่ามีการเพาะเลี้ยงปลาดุกแล้ว กุ้งยังไม่มีการเพาะเลี้ยงกัน  แม้ปัจจุบันนี้มีการเพาะเลี้ยงกุ้งกันอย่างแพร่หลายแล้วก็ตาม แต่รสชาติสู้กุ้งแม่น้ำที่เกิดตามธรรมชาติไม่ได้เลย

21-01-46


ซื้อจากเรือที่ตกอยู่หน้าท่าน้ำ
ถั่วฝักยาว
แปลงผัก
บวบ
      พอน้ำลดลงอยู่ในระดับเดิมแล้ว ตลิ่งแห้ง พื้นดินแถบริมตลิ่งเป็นดินทรายปนดินเหนียว ผู้หญิงส่วนใหญ่ในหมู่บ้านรวมทั้งยายของลูก ก็จะจับจองที่ดินริมฝั่งน้ำเพื่อปลูกผัก ไว้กินและขาย ยายจะใช้จอบฟันดินเป็นก้อนใหญ่ๆ ตากแดดไว้ก่อน อีก 1 สัปดาห์ถึงจะทุบดิน พรวนดินและกั้นเป็นแปลงๆ คือพอดินที่พลิกขึ้นมาแข็ง ก็ทำแปลงเพาะปลูกผัก
พริก
ผักทีปลูกก็จะมีผักกาด ผักคะน้า ต้นหอม ผักชี ตะไคร้ กะเพรา โหระพา ใบแมงรัก มะเขือเทศ มะเขือเปาะเป็นต้น อาจจะมีถั่วฝักยาว แตงกวา แตงร้านด้วยซึ่งต้องทำค้างให้เลื้อยเกาะ สรุปแล้วพืชผัก ที่ปลูกเป็นพืชสวนครัวทั้งหมด เมล็ดพันธ์ผักก็จะซื้อมาจากร้านค้าในตลาด มีขายเป็นซองกระดาษ ซองละ 2-3 บาท
      ผักที่ปลูกต้องรดน้ำทั้งเช้าและเย็น ไม่ต้องใส่ปุ๋ยไม่ต้องฉีดยาค่าแมลง เนื่องจากดินหลังน้ำลดเป็นดินที่อุดมสมบูรณ์ ด้วยมีธาตุอาหารจากธรรมชาติอยู่แล้ว หรือหาขี้วัวมาใส่บ้าง แม่และเด็กๆต่างก็ช่วยพ่อแม่ของตัวปลูกผัก และมีหน้าที่ตักน้ำรดผักในเวลาเช้าเย็น คอยถอนหญ้าที่แซมขึ้นตามแปลงผักอีกด้วย
เป็นงานที่เด็กๆ ช่วยได้เป็นอย่างดี ผักที่ปลูกจะงามมาก ถ้ามีมากก็เก็บไปขายที่ตลาดได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น