อีกครั้งนั่งเรือยนต์เล็กที่ใช้สำหรับโยงเรือพ่วง ไม่มีเก้าอี้นั่ง นั่งกับพื้นไม้ในเรือไปเที่ยวงานวัด ที่วัดพังม่วงตอนกลางคืนก็ไกลอีกเหมือนกัน นั่งเรือไปประมาณสามชั่วโมงกว่าจึงถึง มีเรือที่พาผู้คนมาเที่ยวงานกลางคืนจอดเรียงรายอยู่ที่ท่าน้ำหลายสิบลำ ผู้ที่นั่งเรือไปเที่ยวชุดเดียวกันที่พอนึกได้ก็มี เจ้ จงรักษ์ กรูทอง จันทร์เพ็ญ จำไม่ได้ว่าที่วัดพังม่วงมีงานอะไรแต่ผู้คนมาเที่ยวงานกันเยอะมาก
ถึงวัดก็พากันเดินเที่ยวงานและดูมหรสพมี ภาพยนตร์(หนัง) มีนาฏดนตรี(ลิเก) มีดนตรี ในงานวัดที่ขาดไม่ได้ก็คือ ร้านยิงปืนหุ่นด้วยลูกไม้ก๊อก ชิงช้าสวรรค์ มีปิดวิกเก็บเงินดูมอเตอร์ไซค์ไต่ถังคณะนายเปรื่อง เรืองเดช ปิดวิกเก็บเงิน ดูเมียงูบ้าง หรือคนแคระบ้าง ของที่เดินขายก็มี ตุ๊กตาตกแต่งสวยงามทำจากไม้ก๊อก หรือจากต้นโสนห้อยติดปลายไม้และเสียบกับไม้ยาว มีโรตีสายไหม มีไม้หึ่ง แกว่งๆ ดังหึ่งๆขาย มีอ้อยควั่นเสียบไม้เป็นแฉกๆคล้ายดอกไม้บาน เสียบกับไม้ยาวเดินขาย มีขนมอีกอย่างจำไม่ได้เรียกชื่ออะไร งานไหนงานนั้นมีขายทุกงาน ผูกเป็นพวงแบบพวงมาลัยมีกระดาษสีสดใสตัดขั้นขนมดูสวยงาม ห้อยคล้องตะขอแขวนขาย ขายดีและมีขายในงานวัดเป็นประจำเด็กๆชอบซื้อมาห้อยคล้องคอหรือถือหิ้วไว้กิน
ไม้หึ่ง |
ขนมพวงมาลัย |
ที่ขาดเสียไม่ได้ทุกงานคือลูกโป่งห้อยปลายไม้และเสียบกับไม้ยาว เดินขายและขายดีกับเด็กๆ มีร้านมาขายของกินเช่น กล้วยทอด กล้วยแขก ข้าวเกรียบว่าว ข้ามโพดคั่ว น้ำแข็งกดใส่น้ำหวานต่างสีแล้วราดนมข้น มีขายของเล่น และของอื่นๆอีกมากมาย เดินดูกันรอบจนเหนื่อย เมื่อถึงเวลานัดกลับบ้านก็พากันมาที่เรือ ขานั่งเรือมาก็คุยกันอย่างสนุกสนาน ขากลับนี่นั่งกันเงียบ นอนหลับกันก็มีระยะทางนั่งเรือก็เท่ากันแต่ทำไมขากลับจึงดูไกลนัก นั่งเรือกันนานเท่าไรก็ไม่ถึงสักที นี่เป็นการเที่ยวกลางคืนครั้งที่ 2 ที่ไกลและตึกมากในช่วงเวลานั้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น