วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553

เที่ยวงานกลางคืนครั้งแรก

       มีอยู่ครั้งที่บริษัทปูนซีเมนต์ไทยท่าหลวง  จัดงานครบรอบก่อตั้งบริษัทปีที่เท่าไรแม่จำไม่ได้จัดงานใหญ่มีมหรสพ ภาพยนตร์ มีดนตรีลูกทุ่ง มีลิเก ตอนนั้นแม่รุ่นๆ อายุประมาณ 14 หรือ15 ก็จำไม่ได้ เกิดอยากไปคูดาราตลกชื่อดังที่ชื่นชอบยิ่งนักคือดอกดิน กัญญามาน และชูศรี มีสมมน โดยมีครูพี่ผา และเพื่อนๆ เช่น แป๊ว นิภา ตุ๊ ม็อก ฯลฯ รวมแล้ว10 กว่าคนชักชวนกัน


       เมื่อมีครูพี่ผาไปด้วย เป็นผู้คุ้มกันและดูแลสาวๆรุ่นน้องอยู่ทั้งคน มีหรือจะไม่ได้ไป ยายให้ไปแต่มีข้อแม้ คือให้แม่เอาข้าวโพดคั่วใส่ถุงหิ้วไปขายด้วย ยายบอกไปเที่ยวก็เอาของติดไปขายด้วย งานแบบนี้คนมาก จะได้ไม่เสียเวลาและเสียโอกาสจำได้ตลอดมาจนเดี๋ยวนี้ เอาละซีคราวนี้ต้องหอบหิ้วถุงข้าวโพดคั่วไปด้วย โดยมีเพื่อนช่วยหิ้วด้วย แม่จำไม่ได้ว่าเอาไปขายกี่มัดกี่ถุง (หนึ่งมัดมี 10 ถุง) มี ม็อก คู่หู บ้านอยู่ติดกัน ช่วยหิ้วถุงข้าวโพด ที่จัดงานอยู่ไกลจากบ้าน ถ้าเดินตามถนนลูกรังออกผ่านทุ่งนาหลังหมู่บ้าน ระยะทางประมาณ 4-5 กิโลเมตร แต่เราไปทางด้านในเดินลัดเลาะผ่าน 3 หมู่บ้าน ระยะทางจะเหลือประมาณ 2-3 กิโลเมตร เดินกันจริงๆ นะขาไปก็ดี เดินกันอย่างคึกคักเดินไปคุยกันไป หนทางดูไม่ไกลและไม่เหนื่อยเลย

       เมื่อไปถึงก็หาที่นั่งเอาละซีมีคนเดินขายกระดาษ และผ้าพลาสติกสำหรับปูนั่งหลายคน ชุดเราเตรียมผ้าพลาสติกผืนใหญ่มาสำหรับปูนั่งแล้ว เมื่อหาที่นั่งแล้วแม่ก็บอกพี่ผาขอออกเดินขายข้าวโพด แล้วชวนเพื่อนสนิท ม็อก ออกไปช่วยเดินขายข้าวโพดในสมัยเมื่อ 35 ปีมาแล้วข้าวโพดคั่วถุงละ 1 บาท ถุงขนาดเดียวกับปัจจุบันที่ขายอยู่ถุงละ 10 บาท เป็นครั้งแรกที่แม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวงานกลางคืน และก็ดูการแสดงดนตรีพร้อมดาราตลกครั้งแรกเช่นกัน ดอกดิน กัญญามาน และชูศรี มีสมมนต์ นำภาพยนตร์ที่ดอกดิน กัญญามาน สร้างเองมาฉายและโปร์โมทร์ด้วย ถ้าจำไม่ผิด คือเรื่องตะวันยอแสง ดารานำแสดงหญิง ภาวนา ชนะจิตร ดาราชายจำชื่อไม่ได้

       เดินขายข้าวโพดคั่วได้พักเดียว พอเริ่มการแสดงบนเวทีก็กลับมานั่งดูตลกดอกดิน - ชูศรี สนุกมาก หัวเราะกันจนเหนื่อย พอเวทีตลกเลิก ภาพยนตร์เริ่มฉายก็ดูกันเพลินไม่ลุกเดินขายข้าวโพดแล้ว ขายได้แต่พวกเดียวกัน และพวกที่นั่งดูอยู่ใกล้ๆ หนังสนุกพระเอกในเรื่องชื่อ สุริยา นางเอกชื่อยอแสง ทั้งดอกดิน – ชูศรี แสดงด้วย ดูจนจบเรื่อง กลับบ้านหิ้วถุงข้าวโพดที่เหลือมัดกว่าๆ ด้วย ขากลับเนี่ยไม่มีเสียงพูดคุยกันเลยเงียบกริบ หนทางเดินก็ดูช่างยาวและไกลกว่าเดิมมากนัก เดินเท่าไรก็ไม่ถึงซักที่เมื่อยก็เมื่อย ง่วงก็ง่วงเดินไปตาก็จะปิดเสียให้ได้ ง่วงมาก กว่าจะเดินกลับถึงบ้าน นี่เป็นความทรงจำประทับใจมากเรื่องหนึ่งที่จดจำมาเล่าได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น