วันจันทร์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ปลาชะโด

ขุดลอกคลอง – ปลาชะโดสำลักโคลน


ปลาชะโด

ในชีวิตของแม่เคยเห็นปลาชะโดมากที่สุดครั้งหนึ่ง  ปีนั้นเป็นปี พ.ศ. เท่าไรแม่ก็จำไม่ได้  ทบทวนดูน่าจะเป็นช่วงแม่อายุ 10 -11 ปี  กรมชลประทานหรือกรมเจ้าท่า  (แม่ก็ไม่แน่ใจ ด้วยว่ายังเด็กอยู่จะไม่รู้เรื่องไกลตัวมากนัก)  ได้นำเรือมาขุดลอกแม่น้ำป่าสัก  ช่วงหน้าเขื่อน พระรามหก – ประตูน้ำพระนเรศน์
ตัวโรงเรียนประจำตำบลนั้นหันหน้าเข้าหาถนน  และอยู่ต่ำกว่าถนนมากนัก (ดูภาพโรงเรียนประกอบหน้า 30 ) คือ อยู่ตรงระดับตลิ่งเหนือแม่น้ำป่าสักไม่สูงนัก  โรงเรียนมี 3 ชั้น ตัวพื้นชั้นที่ 2 ยังต่ำกว่าถนนหน้าโรงเรียน และถ้ามองจากถนนหันหน้าเข้าหาโรงเรียน ด้านหลังของโรงเรียนเป็นช่วงแม่น้ำป่าสักที่ถูกเขื่อนพระราม 6 กั้นอยู่ เป็นแม่น้ำหน้าเขื่อนกว้างและน้ำสูงกว่าแม่น้ำท้ายเขื่อนมาก
แม่น้ำกว้างมาถึงข้างโรงเรียนด้านขวาและถูกถนนสายท่าหลวงกั้นน้ำไว้  ถนนจากหน้าโรงเรียนจนถึงตลาดท่าหลวง ตรงไปข้ามสะพานเหล็กมีประตูน้ำพระนเรศน์  สำหรับกักระดับน้ำให้เรือผ่านระหว่างเหนือเขื่อนและใต้เขื่อน  ถนนนี้มีไปจนถึงหน้าเขื่อนพระรามหก   จากโรงเรียนด้านขวานี้เอง จะมองไปถึงตลาดได้  น้ำช่วงนี้ถูกดินตระกอนทับถมจนตื้นเขินมาก ในหน้าแล้งจะติดพื้นเรือ จึงมีเรือมาขุดลอกคลอง โดยทำการฝังท่อต่อกันเพื่อนำดินและน้ำส่งผ่านท่อขึ้นมา  การฝังท่อกับถนนระหว่างโรงเรียน – ตลาดท่าหลวง  และต่อท่อเพื่อทิ้งดินและน้ำ ที่ขุดลอดผ่านสระบัวที่อยู่หน้าวัดด้านขวามองจากวัดหันหน้าเข้าหาถนนอีกด้านติดถนนและตลาดท่าหลวง  สระบัวนี้ไม่มีบัว  มีแต่ต้นอ้อขึ้นอยู่เต็มไปหมด
การขุดลอดนั้นทำอยู่นานทีเดียว คือ ขนาดคลองหน้าบ้านแม่เป็นคลองที่มีน้ำ  มีเรือเข้ามาขายสินค้าได้จนถึงวัดถลุงเหล็ก และวัดยางนมได้ ก่อนนั้นเป็นคลองที่ทะลุจนถึงฝั่งที่กำลังขุดลอกอยู่ได้  ต่อมาทำถนนก็เป็นคลองตัน  น้ำในคลองลึกจะเดินข้ามฝั่งไม่ได้ ต้องใช้เรือในการข้ามไปที่วัดตรงข้ามอีกฝังหนึ่งของคลอง  การขุดลอกคลองฝั่งโรงเรียนนั้น 2-3 วันแรก ก็ยังไม่เท่าไร เราเด็กๆ ก็จะตื่นเต้นคอยดูน้ำ ดิน โคลน ที่ไหลลงมา  เมื่อการขุดลอกหลายวันเข้าผลกระทบที่ตามมาคือ คลองหน้าบ้านเราที่เคยเป็นที่ใช้น้ำในการดำรงชีวิต  น้ำคลองขุ่นควักมีแต่โคลนและเลนเต็มไปหมด เมื่อขุดลอกนานเข้า ดินเลนก็เต็มคลองหน้าบ้าน ใช้ประโยชน์ไม่ได้เลย
ในช่วงก่อนที่ดินโคลนจะเติมคลองนั้น  วันหนึ่งแม่ตื่นขึ้นมาตอนเช้ามืด  เห็นปลาชะโดตัวใหญ่ๆ เต็มบ้านไปหมด ยายบอกว่าปลาสำลักโคลน  ไม่มีที่อยู่ลอยขึ้นมาเหนือน้ำโคลนนั้น  ตาไปส่องไฟเห็นเข้าก่อนใครในตอนดึก จึงมาตามยายไปช่วยกันจับปลามากมายได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากปลาลอยขึ้นมาหายใจใกล้ตายแล้วนั่นเอง  ยายใส่ปลาไว้ในโอ่งบ้าง ในไหบ้างและในกระจาดบ้างเต็มไปหมด นั่นเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวเท่านั้น ที่แม่เคยเห็นปลาชะโดตัวใหญ่ๆ  มากมายอย่างนั้น (ปลาอย่างอื่นจะมีด้วยหรือเปล่าแม่ไม่ทันดู  มัวสนใจแต่ปลาชะโดตัวใหญ่ๆ เท่านั้น และยังมืดอยู่ในสมัยนั้นยังไม่มีไฟฟ้าใช้) นับจากวันนั้นจนบัดนี้  แม่ไม่เคยเห็นปลาชะโดที่ไหนตัวใหญ่และมากมายเช่นนั้นอีก นอกจากในพิพิธภัณฑ์ปลาเท่านั้นเอง
(หลังจากย้ายมาอยู่ที่บ้านใหม่ริมแม่น้ำสุพรรณแล้ว ไปตลาดนัดที่บ้านกล้วย มีแม่ค้านำปลาชะโดตัวใหญ่มากหนัก 5 กิโล กว่าๆ ที่หาได้จากเขื่อนกระเสียวมาขาย  5 กรกฎาคม 2550)


ปลาชะโด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น