วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553

จาจี - อีตัก
มะขามเทศ

    เม็ดมะขามเทศที่แกะแล้วเหล่านี้ เด็กๆชอบกันนัก เก็บเม็ดมะขามเทศสีดำๆ นี้มาเล่น อีตัก กันเป็นที่สนุกสนาน วิธีการเล่นก็คือ นำเม็ดมะขามเทศจำนวนหนึ่งประมาณหนึ่งกำมือ มาเล่นกันกี่คนก็ได้ หากระดาษแข็งนิดหน่อย เช่นกระดาษหน้าปกของสมุดปกอ่อน มาตัดและพับเป็นลักษณะ รูปกรวยปากกว้างอันเล็กๆ คนละหนึ่งอัน แล้วก็ “ จาจี ” กัน แม่ก็ไม่รู้ว่าการ จาจี นั้นมีความหมายและประวัติความเป็นมาจากไหนอย่างไร ( เคยค้นจากพจนานุกรมก็ไม่มีคำอธิบายแม้แต่พจนานุกรมฉบับล่าสุด พ.ศ. 2542 )
เด็กๆในสมัยนั้นรู้จักการจาจีกันดี การจาจีนั้นคล้ายกับการจับไม้สั้นไม้ยาวนั่นเอง เพื่อจุดประสงค์ที่ใครจะได้เล่นเกมนี้ก่อนนั่นเอง วิธีการ จาจี ก็คือ ทุกคนที่จะเล่นอีตักด้วยกัน เอามือขวากำไว้ข้างหลังของตัวเอง แล้วพูดพร้อมกันว่า “ จาจี จุ้ยจ๊าย จับโป้ง ” พอกล่าวคำว่า โป้ง ทุกคนต้องชักมือขวาออกมา เป็นสัญลักษณ์ต่างๆ ที่มีอยู่ 3 รูปแบบ เป็นที่รู้กันดี

คือ
1.    ท่ากำมือคว่ำลง                           หมายถึง   ค้อน (เครื่องมือช่างไม้)
2.    ท่ากางมือหงายขึ้น                          “          กระดาษ
3.    ท่าชูนิ้ว 2 นิ้ว (นิ้วชี้และนิ้วกลาง)        “          กรรไกร

เช่น เล่นกัน 3 คน กำมือเสีย 2 คน = ค้อน 2 คน อีก 1 คน กางมือ คือกระดาษ คนกางมือก็ชนะ ความหมายคือกระดาษห่อค้อนได้ ค้อนไม่สามารถตีกระดาษได้   คนชนะก็ถอยออกมารอ  2 คนที่เหลือ ที่ต้อง จาจี กันใหม่ เพื่อหาผู้ชนะที่จะได้เล่นเป็นคนที่ 2 ถ้าจาจีออกมาแล้ว ทำสัญลักษณ์เหมือนกันเรียกว่า เจ๊า กันก็จาจีใหม่ จนกว่าจะหาผู้เล่นได้ตามลำดับ ก่อน หลังต่อไปได้
สรุปแล้ว สัญลักษณ์ทั้ง 3 มีค่าดังนี้

- ค้อน            แพ้    กระดาษ    ชนะ    กรรไกร
- กระดาษ         “     กรรไกร       “       ค้อน
- กรรไกร          “     ค้อน          “       กระดาษ

เป็น วัฎจักรกันเช่นนี้ตลอดไป เมื่อหา ”ผู้ชนะ”  เรียงตามลำดับ  1,2,3  ได้แล้ว ก็เริ่มเล่น วิธีการเล่น คือ นั่งล้อมวง  เว้นที่ว่างตรงกลางไว้  คนที่หนึ่งกำเม็ดมะขามเทศไว้ในมือทั้งหมดแล้วหว่านให้อยู่ในบริเวณที่ว่าง กลางวง  ถ้าหว่านเม็ดมะขามเทศได้กระจายไม่เกาะกันมากเท่าไร  โอกาสจะชนะก็มีมาก  เมื่อหว่านแล้วก็ใช้กรวยกระดาษที่ทำไว้มาตัก 
วิธีการตักต้องห่อกรวยให้แคบนิดหน่อย  แล้วช้อนตักเร็วๆ  ต้องตักเม็ดมะขามเทศให้เข้ากรวยครั้งละ 1 เม็ด   แล้วนำมาวางไว้ข้างตัว และตักต่อไปจนกว่าเม็ดมะขามเทศจะหมด  หรือจนกว่าจะตายในเกม  การตายในเกมคือตักเม็ดมะขามเทศไปถูกเม็ดอื่นๆ  หรือตักแล้วหล่นจากกรวย  ก็ต้องหยุดเล่นให้คนต่อไปเป็นผู้เล่นด้วยวิธีการเดียวกัน  เวียนกันเล่นจนเม็ดมะขามเทศหมดกอง 
จากนั้นจึงนับเม็ดมะขามเทศที่ตักได้ของแต่ละคน  ใครได้มากกว่าก็เป็นผู้ชนะในเกมการเล่นนั้น  และเป็นผู้เริ่มเล่นเกมต่อไปก่อน  ตามด้วยคนที่นับได้รองๆ กันต่อมา  เด็กๆ จะเล่นกันหลายๆ ตา (เกม) จนกว่าจะเบื่อ หรือเมื่อยจึงเลิก เป็นการเล่นของเด็กผู้หญิงในยุคแม่   โดยไม่ต้องใช้เงินจับจ่ายซื้อหาของเล่น ก็เล่นกันได้อย่างสนุกและเพลิดเพลิน (และยังเป็นการฝึกทักษะการใช้มือ ในการตักใช้สมองคิดวิธี ที่จะเล่นและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างไร )

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น